วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

Go korea!!-เดินทางไปเกาหลี

Let's Go Korea.




• ระเบียบการเข้าเมือง


• คนไทยสามารถเข้าไปในเกาหลีโดยไม่ต้องขอวีซ่า สามารถอยู่ได้นานถึง 90 วันใช้เพียงพาสปอร์ต ที่มีอายุอย่างน้อย 6 เดือนเท่านั้น โดยขั้นตอนการเข้าเมืองมีเอกสารที่ตะต้องกรอกดังนี้
1.แบบสอบถามสุขภาพ (Health Questionnaire) เนื่องจากเกาหลีใต้ ยังคงมีการระบาดของโรคไข้หวัดนกและเฝ้าระวังโรคซาร์สอยู่ แบบฟอร์มนี้จึงจำเป็น ถ้าอยากเข้าเมืองได้โดยสะดวก นอกจากรายละเอียดของตัวเราแล้ว ก็ไม่ต้องไปขีดหรือกากบาทลงในช่องชื่อโรคต่างๆ
2.แบบฟอร์มขอเข้าเมือง (lmmigration Card) ที่จะต้องยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพร้อมกับพาสปอร์ต แบบฟอร์มนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ขอเพียงให้ระบุโรงแรมหรือที่พักในเกาหลีและรายละเอียดเพียงเล็กน้อยให้ครบถ้วน
3.ใบสำแดงสิ่งของศุลกากร (Customs Declaratiom) ที่จะต้องยื่นให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรหลังจากที่เรารับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ก่อนออกมาด้านนอกส่วนผู้โดยสารขาเข้า เราไปเที่ยวขีด/ในช่อง NO ทุกข้อ เท่านี้ก็ผ่าน




• วิธีผ่าน ต.ม.เกาหลี


• ในอดีตที่ผ่านมา การผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่เกาหลี อาจมีความยุ่งยาก เนื่องจากข้อกำหนดที่ไม่ต้องขอวีซ่า จึงไม่มีการกรองผู้ที่จะเดินทางเข้าเกาหลีตั้งแต่ประเทศต้นทางก่อน จึงมีผู้แอบเข้าไปทำงานในเกาหลีอยู่เสมอๆ จึงทำให้ ต.ม.ที่เกาหลีระแวงคนไทยเราว่าจะลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยแรงงานโดยอาศัยแฟงตัวไปกับกรุ๊ปทัวร์บ้าง ไปในคราบนักท่องเที่ยวบ้าง ถ้าตรวจสอบแล้วไม่แน่ใจจริงๆจึงถูกปฏิเสธการเข้าเมืองอย่างช่วยไม่ได้
• ปัจจุบันทางรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ก็ได้แก้ไขปัญหานี้ โดยการให้จำนวนโค้วต้าแรงงานที่จะเดินทางเข้าไปทำงานในเกาหลี โดยผ่านรัฐบาลต่อรัฐบาล และต้องฝึกภาษาเกาหลีผ่านด้วย จึงเข้าไปทำงานในเกาหลีได้ โครงการที่ว่านี้คือโครงการ EPS 
• ปัจจุบันนี้ เกาหลีเอาจริงเอาจังกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวองประเทศ ต้องการเงินตราจากนักท่องเที่ยวที่เข้าไปใช้จ่ายในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่ต้องใช้หนี้กองทุนเงินสำรองระหว่างประเทศ หรือ IMF ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในเอเชีย จึงไม่มีความจำเป็นอันใดเลย ที่จะกีดกันนักท่องเที่ยว ที่จะเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีจริงๆ
• นับตั้งแต่เกาหลีได้เป็นเจ้าภาพจัดงานจัดงานกีฬาระดับโลกอย่างกีฬาโอลิมปิก เอเชี่ยนเกมส์ และเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลกในปี 2002 ที่ผ่านมา เกาหลีก็อ้าแขนและยินดีต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือนจากภูมิภาคต่างๆของโลก ที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในเกาหลี เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
แต่ถ้าจะให้มั่นใจว่าผ่าน ต.ม.แน่ๆ แนะนำว่า....
1.เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ให้มองดูดีมียี่ห้อนิดหนึ่ง 
2.เตรียมนามบัตร ไว้แสดงว่าเรามีตำแหน่งหน้าที่การงาน
3.เตรียมเงินสดไว้ในกระเป๋าจำนวนพอสมควร พร้อมบัตรเครดิต
4.ประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆในชีวิตประจำวัน
5.ยิ้มและมองตาแสดงความจริงใจว่า "ฉันมาเที่ยวนะ ไม่ได้มาโดดร่ม"
6.ใบจองโรงแรม ที่พัก ตั๋วเครื่องบินขากลับและแผนการเดินทางท่องเที่ยวในเกาหลีคร่าวๆ


Incheon Airport




TRy To SpeaK-ภาษาเกาหลีเบื้องต้น

ภาษาเกาหลีเบื้องต้น

제 이름은 벨입니다 เช-อี-รึม-มึน-เบล-อิม-นี-ดา ฉันชื่อเบลค่ะ (ค่อนข้างสุภาพค่ะ)

 저는벨입니다 ชอ-นึน-เบล-อิม-นี-ดา ฉันชื่อเบลค่ะ (กับเพื่อน กับคนทั่วไป ปกติเราพูดแต่อันนี้)

 
이름이뭐예요? อี-รึม-มี-มวอ-เย-โย๊? ชื่ออะไรค่ะ?

 
저는 태국 사람입니다. ชอ-นึน-แท-กุก-ซา-รัม-อิม-นี-ดา ฉันเป็นคนไทยค่ะ

영어 할 줄 수 있습니까? ยอง-งอ-ฮัล-ซู-อิซ-ซึม-นี-ก้า? พูดภาษาอังกฤษได้มั้ยค่ะ?

난 한국어 조금 할수 있어요. นัน-ฮัน-กู-กอ-โช-กึ้ม- ฮัล-ซู-อิซ-อ-โย ฉันพูดเกาหลีได้นิดหน่อย

미안 해요 มี-อัน-แน(แฮ)-โย ขอโทษ (เพื่อน คนสนิม)

죄송합니다 เชว-ซง-ฮัม-นี-ดา ขอโทษค่ะ (ผู้ที่อายุเยอะกว่า)

감사합니다. คม-ซา-ฮัม-นี-ดา ขอบคุณค่ะ (ผู้ที่อายุเยอะกว่า)

고맙습니다 โก-มับ-ซึม-นี-ดา ขอบคุณค่ะ (คนรู้จัก )

고마워요 โก-มา-วอ-โย ขอบคุใจ (เพื่อน คนสนิท)

나 어떻게해. นา-ออ-ตอด-เค-แฮ ฉันควรทำยังไง (ดูคุ้นๆมั้ยคะ)

어디서. ออ-ดี-ซอ ที่ไหน

피곤 해요. พี่-กน-แฮ-โย เหนื่อยจังเรย

괜찮아요 แคว็น-ชั่น-นา-โย ไม่เป็นไร

배고파요. แพ-โก-พ่า-โย ฉันหิว

제발 เช-บัล ได้โปรด

반갑습니다 พัน-กับ-ซึม-นี-ดา ยินดีที่ได้รู้จัก

반가워요 พัน-กา-วอ-โย ยินดีที่ได้รู้จัก

도와주세요. โด-วา-จู-เซ-โย ช่วยด้วย

아니오 อา-นี-โย ไม่

네 เน ค่ะ,ได้

안돼! อัน-เดว ไม่ได้,ไม่มีทาง

맞아요 มา-จา-โย ถูกต้อง

더워 ดอ-วอ ร้อน

오늘은 어때요?? โอ-นึล-ออ-แต-โย๊ วันนี้เป็นไงบ้าง

너무 귀여워요. นอ-มู-ควี-ยอ-วอ-โย น่ารักมาก 

안녕하세요. อัน นยอง ฮา เซ โย
안녕히 가세요. อันยองฮี คา เซโย / ลาก่อน (พูดกับคนที่ไป)*
안녕히 계세요. อันยองฮี คเย เซโย / ลาก่อน (พูดกับคนที่อยู่)*
안녕히 주무세요. อันยองฮี ชูมู เซโย / ราตรีสวัสดิ์
감사합니다. คัมซา ฮัมนีดา /ขอบคุณ
미안합니다. มีอัน ฮัมนีดา / ขอโทษ
실례합니다. ชิล รเย ฮัมนีดา / ขอโทษ (ลักษณะที่เสียมารยาท)
괜찮습니다. แคว็นชั่น ซึมนีดา / ไม่เป็นไร (ตอบรับคำขอโทษ/ ขอบคุณ)
천만에요. ชอนมา เนโย / ไม่เป็นไร (ตอบรับคำขอบคุณ) 


ลองพูดตามกันดูนะคะ มีหลายตอนด้วย สนุกดีคะ 
잘 가요. 간강하세요.내일 보자  ล่าก่อน รักษาสุขภาพด้วนนะคะ แล้วพบกันใหม่คะ

เรื่องน่ารู้ ก่อนไปเกาหลีใต้

เรื่องน่ารู้ ก่อนไปเกาหลีใต้




  • การจัดกระเป๋าเดินทาง เสื้อผ้า ไปเกาหลี
การแต่งกาย ไปเกาหลี
เสื้อผ้าที่เตรียมสำหรับเดินทาง ควรเหมาะกับสภาพอุณหภูมิ ควรเตรียมเสื้อคลุมกันหนาว และรองเท้าที่สวมใส่สบาย ถุงเท้า ถุงมือ (ถุงมือ หรือเสื้อคลุมกันหนาวนี่เอาไปเผื่อสักคู่ สักตัวก็พอได้นะคะ แล้วค่อยไปหาซื้อใหม่สวยๆ ที่นู่นก็ได้) แนะนำเลกกิ้งตัวหนาๆ กันหนาว ไม่ใช่เลกกิ้งบางๆ ของไทยเรานะ
จัดกระเป๋าเดินทาง ไปเกาหลี
น้ำหนักของกระเป๋าเดินทางไม่ควรเกิน 20 กิโลกรัม ต่อ 1 ท่าน หากน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนดไว้ ทางสายการบินจะเรียกเก็บค่าน้ำหนักเพิ่ม ประมาณกิโลกรัมละ 400–500 บาทโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขอื่นของทางสายการบินด้วย และสำคัญมากๆ เลยควรตรวจป้ายชื่อทุกครั้ง เนื่องจากการส่งประเป๋าไปตามห้องพัก จะดูป้ายผูกกระเป๋าเป็นหลัก (ภาษาที่ใช้ในป้ายติดกระเป๋า ควรเป็นภาษาอังกฤษด้วย) และควรเลือกกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่แบบแข็งแรง และมีล้อเนื่องจาก บริกรที่ประเทศเกาหลีมีค่อนข้างน้อย ดังนั้นการใช้บริการพนักงานยกกระเป๋าหรือเบลล์บอย จึงต้องจ่ายค่าบริการตามมารยาทอย่างน้อย 5,000-6,000 วอน / ใบนะจ๊ะ


เรื่องเงินทอง
บัตรเครดิต ใช้ที่เกาหลี
สามรถใช้ได้ตามโรงแรมภัตตาคารร้านอาหารใหญ่ๆ และห้างสรรพสินค้าในเมืองสำคัญๆ ยกเว้นในส่วนของตลาดพื้นเมือง ในกรณีที่ต้องการซื้อสินค้า ท่านควรจะอนุมัติวงเงินจากบัตรเครดิตธนาคารต้นสังกัด เพื่อความสะดวกในการใช้จ่าย สำคัญคือ ควรเตรียมเงิน วอน หรือ เงินดอลล่าร์สหรัฐ ไปด้วยจะสะดวกในการซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ตามร้านขายของทั่วไปจะดีกว่า เพราะสินค้าพื้นเมืองบางอย่างนั้น ร้านพื้นเมืองจะมีราคาถูกกว่าร้านใหญ่ที่รับบัตรเครดิต
เครื่องบริการ ATM ที่เกาหลี
นักท่องเที่ยวที่มีบัตรเครดิต ซึ่งได้รับการยอมรับกันทั่วโลก สามารถถอนเงินสดจากบัญชีของท่าน หรือเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าจากเครื่องบริการเงินด่วน (ATM) ที่ตั้งอยู่ตามโรงแรมใหญ่ ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และสถานที่ท่องเที่ยว แต่ต้องมีการดูแลและระวังในความปลอดภัยของตนเองด้วย หากไม่จำเป็นจริงๆ เตรียมเงินสดไปให้พร้อมจะดีกว่า หรือหากต้องการแลกเงิน สามารถติดต่อแลกที่หัวหน้าทัวร์หรือไกด์ท้องถิ่นได้เลยจ้า
ของมีค่า สู่เกาหลี
ของมีค่าไม่ควรนำติดตัวไปด้วย เพราะอาจมีการสูญหายหรือถูกขโมย ควรระมัดระวัง แต่หากนำติดตัวไปด้วยระหว่างการเดินทางควรเอาไว้กับตัวเองตลอด ห้ามวางไว้บนรถหรือวางไว้ตามโต๊ะอาหารเพราะอาจเกิดการสูญหายได้



เรื่องอื่นๆ ที่น่ารู้
กระแสไฟฟ้าในเกาหลี
กระแสไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศเกาหลี 110, 220 โวลต์ บางโรงแรมที่เกาหลีใช้ระบบเดียวกับไทย ควรเตรียมตัวแปลงปลั๊กเต้าเสียบแบบสามขาไปด้วย เนื่องจากที่เกาหลีส่วนใหญ่จะใช้เต้าเสียบแบบหัวกลม แต่ประเทศไทยใช้แบบหัวเหลี่ยม เตรียมพร้อมไปด้วยจะดีกว่านะ ทั้งโทรศัพท์เอย กล้องเอย ไอเพดเอยสารพัดอย่าง เตรียมไปน่าจะพร้อมกว่าจ้า
ความปลอดภัยในการเดินทางไปเกาหลี
ระบบการรักษาความปลอดภัยของสนามบินทุกแห่ง ไม่อนุญาตให้นำมีดพับของมีคมหรือวัสดุอื่นใด ที่อาจใช้ในการก่อเหตุการณ์ร้ายขึ้นเครื่อง และประเทศเกาหลีไม่อนุญาตให้นำวัตถุเหลวขึ้นเครื่อง ออกจากประเทศควรจัดเก็บไว้ในกระเป๋าใบใหญ่ และหากทางสายการบินตรวจพบ บางแห่งอาจทำการยึดโดยไม่คืนให้ สำคัญคือ ควรมีการจัดการเตรียมความพร้อมตั้งแต่แรก จะได้ไม่ยุ่งยากและสะดวกสบายระหว่างการเดินทาง
ยาประจำตัวในเกาหลี
ส่วนใครที่มีโรคประจำตัวควรนำยาติดตัวไปด้วย สำหรับยาสามัญหัวหน้าทัวร์หรือไกด์ เขาจะจะเตรียมไปให้บริการแต่ส่วนโรคที่เป็นโรคประจำตัวของเรานั้นจัดการกันเองนะค่ะ
สกุลเงินเกาหลี
สกุลเงินที่ใช้ในเกาหลี คือ สกุลเงินวอน / 1,000 วอน แลกเงินไทยได้ประมาณ 28-30 บาท
ตรวจสอบ อัตราแลกเปลี่ยน เงินตราต่างประเทศ 
ภาษาเกาหลี
ภาษาที่ใช้เป็นภาษาเกาหลี หรือ ฮันกึล และโดยส่วนมากคนเกาหลีพูดภาษาจีนได้ หากใครที่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้สบายใจได้หายห่วงในส่วนภาษาอังกฤษใช้ได้ตามสถานที่ท่องเที่ยว และส่วนมากป้ายแนะนำสถานที่ต่างๆก็จะมีภาษาอังกฤษเขียนบอกเอาไว้ด้วย บางสถาที่มีป้ายภาษาไทยนะด้วยจะบอกให้
เวลา
ประเทศเกาหลี เวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง หากเดินทางไปถึงแล้ว อย่าลืมปรับนาฬิกา เพื่อความสะดวกในการนัดหมาย กับหัวหน้าทัวร์ / ไกด์ หรือเดินทางขึ้นเครื่องกลับด้วยนะจ๊ะ เพื่อไม่ให้พลาดในสิ่งสำคัญต่างๆ ระหว่างการเดินทาง
การให้ทิปที่ เกาหลี
สถานที่ต่างอาทิ เช่น ภัตตาคาร โรงแรม คนขับรถ พนักงานและบริกรเหล่านี้ต่างมุ่งหวังที่จะได้ค่าทิปเป็นการตอบแทนจากผู้ใช้บริการ ส่วนธรรมเนียมการให้ทิปที่เกาหลีนั้น โดยส่วนมากคนขับรถและไกด์ท้องถิ่น 20,000 วอนต่อทริปเดินทาง / ท่าน นอกเหนือจากนั้นจะมีหนุ่มน้อยเกาหลีหน้าตาละม้ายคล้ายดาราเกาหลีที่คอยมาบริการยกกระเป๋า บริการเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารนั้นแล้วแต่น้ำใจที่จะมีให้
อาหารเกาหลี
โดยส่วนมากอาหารทัวร์เป็นอาหารท้องถิ่น เช่น หมูย่างเกาหลี ไก่ตุ๋นโสมเกาหลี เกาหลีมีวัฒนธรรมในการรับประทานอาหาร ซึ่งจะนิยมอาหารชนิดเดียว แต่จะมีเครื่องเคียงเป็นผักต่าง ๆ มาด้วย ท่านสามารถเตรียมอาหารที่ท่านชอบติดตัวไปรับประทานได้หรือใช้บริการจากอาหารที่ไกด์จัดเตรียมให้ เช่น ซอสต่าง ๆ ส่วนหากเป็นอาหารสั่งเองตามร้านทั่วไปก็จะมีหลากหลายพันอย่างลองแวะชิมๆดูแล้วมาแบ่งกัน แต่แนะนำทั้งที่ไปกับทัวร์และไม่กับทัวร์เลยก็เห็นจะเป็นขาปูยักษ์แบบบุฟเฟต์และไวน์ไม่อั้นตามภัตตาคารหรูหลายแห่งที่คอยให้บริการ


เครื่องดื่มที่เกาหลี
ในประเทศเกาหลี การนำเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์เข้าไปในร้านค้า หรือภัตตาคารโดยปกติ หากสั่งที่ร้านจะเรียกเก็บค่าบริการและค่ามินิบาร์จะมีราคาสูง แต่ท่านสามารถซื้อสินค้าจากข้างนอก แล้วนำไปรับประทานในโรงแรมหรือร้านอาหารได้เลย
น้ำประปาในเกาหลี
ในการเข้าพักในโรงแรมที่เกาหลีน้ำดื่มอยู่ในห้องพักจะมี 2 ขวด (ถ้ามีบริการน้ำดื่มฟรี) ส่วนน้ำแร่และมินิบาร์ในโรงแรมราคาจะสูงกว่าปกติ หรือสูงกว่าร้านค้าด้านนอกโรงแรม ในห้องพักมีกาต้มน้ำชาบริการฟรี น้ำประปาสะอาดสามารถดื่มได้โดยตรง ของเขาดีจริง
ห้องน้ำในเกาหลี
ห้องน้ำในเกาหลีโดยทั่วไป จะให้บริการฟรี สามารถเข้าใช้ตามสถานที่สาธารณะร้านค้าใกล้ลานจอดรถ โรงแรม และทั่วไปได้ เรื่องความสะอาดนั้นรับประกันได้เท่ากับบ้านเรานี้แหละ
ที่จอดรถในเกาหลี
บางครั้งรถนำเที่ยวจะจอดบริเวณที่ให้จอดรถ หรืออาจจะต้องนัดหมายเวลาให้มารับ ซึ่งต้องเช็คเวลากับไกด์ให้ดีหรือผู้นำทัวร์ให้ดีและควรตั้งใจฟังรายละเอียดก่อน เพราะไม่อย่างนั้นอาจทำให้หลงกันได้
รถแท็กซี่ที่เกาหลี
โดยที่เกาหลีนั้นรถแท็กซี่ธรรมดาระบบค่าโดยสารขึ้นอยู่กับระยะทาง และเวลาที่ได้ใช้บริการไป แต่ที่เกาหลีจะต้องเสียค่าโดยสาร 1,900 วอน สำหรับ 2 กิโลเมตรแรก และเสียอีก 100 วอน ทุกระยะ 168 เมตร ที่เพิ่มขึ้น ถ้าจราจรติดขัดแท็กซี่วิ่งได้น้อยกว่า 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องเสียค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 1,000 วอน ทุกระยะเวลา 41 วินาที ค่าโดยสาร ระหว่างสนามบินอินชอนและย่านศูนย์การค้าของโซล ปกติประมาณ 42,000 วอน (รวมค่าผ่านทาง) แต่อาจจะสูงกว่าถ้าจราจรติดขัด ค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้นระหว่างช่วงเวลา เที่ยงคืนถึงตีสี่ 20 % ซึ่งหากแนะนำแล้วการเดินทางในเกาหลีหากไม่จำเป็นไม่ควรนั่งแท๊กซี่ เพราะราคาสูงมากอย่างที่เขาพูดกัน


การติดต่อสื่อสาร
โทรศัพท์ภายในเกาหลี
เกาหลีการโทรศัพท์ภายในพื้นที่โทรในเขตพื้นที่หรือเมืองเดียวกัน ก็เพียงแค่กดหมายเลข แต่หากต้องการโทรไปต่างพื้นที่หรือต่างเมืองให้กดรหัสของเขตก่อนแล้วตามด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่ต้องการติดต่อ เช่น หากต้องการโทรไปที่แทกู (หมายเลยโทรศัพท์ 123-4567) ให้กด 053-123-4567 สะดวกอย่างมากมาย
รหัสโทรศัพท์ภายในเกาหลี
รหัสโทรศัพท์เขตพื้นที่ต่างๆในเกาหลี ดังนี้ – โซล 02 – อินชอน 032 – แทจอน 053 – พูซาน 051 – แทกู 053 – อุลซาน 052 – ควางจู 062 – เคียงกีโด 031 – คังวอนโด 033 – ชุงชองนัมโด 041 – ชุนชองบุกโด 043 – เคียงซางบุกโด 054 – เคียงซางนัมโด 055 – ชลลานัมโด 061 – ชลลาบุกโด 063 – เชจูโด 064
โทรศัพท์ต่างประเทศ จากเกาหลีสู่ประเทศอื่นๆ
จากเกาหลีสามารถใช้โทรศัพท์ทางไกลอัตโนมัติผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อโทรสายตรงออกจากประเทศเกาหลี ให้กดรหัสโทรออกต่างประเทศ 001, 002 หรือ 008 ก่อนตามด้วยรหัสประเทศ, รหัสพื้นที่ และหมายเลยโทรศัพท์ปลายทาง เช่น 001-662-9334180 (กรุงเทพฯ)
การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในเกาหลี
สามารถขอรายละเอียดการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละระบบการสื่อสารได้ ที่เจ้าหน้าที่ผู้ให้ บริการแต่ละเครือข่าย ณ สนามบินสุวรรณภูมิหรือตามชอปของเครื่องข่ายนั้นๆ ซึ่งอาจจะต้องเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์ก่อนนำไปใช้งานที่ประเทศเกาหลี โดยต้องเตรียมพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบินตัวจริงประกอบการขอใช้บริการ


10 Real SToRy -10เรื่องจริงในฉบับคนเกาหลี

10เรื่องจริง!!!

อาจดูเหมือนไม่ใช่แต่คือสิ่งที่พบกันจริงๆค่า



1. การกินเหล้าของคนเกาหลี
เวลาคนเกาหลีไม่ว่าจะเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนทั่วไปไปกินเหล้า ส่วนมากหลังจากเปิดขวด จะใช้แก้วใบเดียวรินเหล้าแล้วค่อยๆ ดื่มทีละคน แล้ววนกันไปจนครบทุกคนก่อน 1 รอบโดยใช้แก้วใบเดียวกัน หลังจากนั้นค่อยต่างคนต่างดื่ม แก้วใครแก้วมัน



2. คนเกาหลีไม่ได้ศัลยกรรมทุกคน
คนเกาหลีไม่ได้ศัลยกรรมทุกคน อย่าเข้าใจผิด เพียงแต่การศัลยกรรมที่นั่นถือเป็นเรื่องธรรมดา คนจึงทำกันเยอะ อย่าไปเรียกประเทศเค้าว่าเป็นประเทศคนหน้าพลาสติก



3. หน้างานคอนเสิร์ตทุกงาน จะมีลุงหรือป้าแก่ๆ มาขายแท่งไฟ
 
หน้างานคอนเสิร์ตทุกงาน จะมีลุงหรือป้าแก่ๆ มาขายแท่งไฟ ขายป้ายชื่อ ขายกล้องส่องทางไกลและอื่นๆ ของศิลปิน ถ้าเป็นหน้าหนาว ลุงหรือป้าคนนั้นจะเปลี่ยนอาชีพมาเดินขายผ้าห่มแทน


4. เด็กนักเรียนเกาหลีแทบทุกคนต้องเรียนพิเศษ
 
เด็กนักเรียนเกาหลีแทบทุกคนต้องเรียนพิเศษ การเรียนพิเศษเลิก 4 ทุ่มทุกวันถือเป็นเรื่องธรรมดา ช่วงสอบปลายภาคอาจมีคอร์สพิเศษเปิดสอนถึงตี 2 โดยเฉพาะวิชาเลขเป็นวิชาที่เด็กเกาหลีทุ่มเทมากๆๆ


5. ชุดนักเรียนเกาหลีราคาแพง
ชุดนักเรียนเกาหลีราคาแพงมากกกกกกกกก ชุดนึงตกประมาณ 7-8 พันบาทจนไปถึงเป็นหมื่นบาท

6. ใส่ชุดนักเรียนตัวเล็ก
 
นักเรียนบางคนจะใส่ชุดนักเรียนตัวเล็กจน รัดมาก (แต่ส่วนมากจะใส่เสื้อทับนะ)

7. คนเกาหลีกินหมา
 
ที่ว่าคนเกาหลีกินหมานั้นเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ใช่ทุกคน หาได้ง่ายตามต่างจังหวัด ส่วนเมืองหลวง (กรุงโซล) อาจหายากหน่อยแต่ก็ไม่ยากเกินไป นอกจากหมาแล้ว แมวก็กินด้วย

8. คนเกาหลีจะนิยมส่งเมสเสจหากัน
 
คนเกาหลีจะนิยมส่งเมสเสจหากันมากกว่าโทรไปหาโดยตรง และคนเกาหลีตัวจริงจะกดแป้นโทรศัพท์กันไวมาก โดยปีล่าสุดคนเกาหลีใต้เคยไปแข่งกดส่ง sms และได้รางวัลที่ 1 ระดับโลก

9. บนรถไฟใต้ดินจะมีที่นั่งของคนชรา
 
บนรถไฟใต้ดินจะมีที่นั่งของคนชรา คนท้อง และคนพิการแยกอยู่ ซึ่งคนปกติทั่วไปไม่ควรนั่งเด็ดขาดไม่งั้นจะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ

10. บนรถไฟใต้ดินที่เกาหลี จะมีคนเอาของขึ้นมาขายบ่อยๆ
 
บนรถไฟใต้ดินที่เกาหลี จะมีคนเอาของขึ้นมาขายบ่อยๆ แล้วจะพูดขายของเสียงดังมาก โดยส่วนมากจะลากใส่รถเข็นขึ้นมา ที่เห็นบ่อยๆ ก็เช่น ถุงใส่ผ้า ยาขัดรองเท้า ถุงเท้า


Culture-วัฒนธรรมเกาหลี


วัฒนธรรมเกาหลี

 หลักๆที่น่าสนใจนะคะ จะมี 20 ประการได้แก่


  • ชุดประจำชาติเกาหลีหรือชุดฮันบก
    คำว่า "한복"(ฮันบก) ถ้าแปลตามตัวอักษร "한"(ฮัน) หมายถึง ชาวเกาหลี  และ "복"(บก) หมายถึง ชุดหรือเสื้อผ้า ดังนั้นเมื่อนำมารวมกันจึงหมายถึง ชุดของชาวเกาหลีนั่นเอง
          ชุดฮันบก มีหลายลักษณะ ซึ่งจะออกแบบตามฤดูกาล เช่น ฮันบกในฤดูร้อนกับฮันบกในฤดูหนาว ความหนาของเนื้อผ้าและชุดจะต่างกัน ชุดฮันบกของผู้สูงอายุกับวัยรุ่นหรือเด็กๆ ก็จะมีลักษณะที่ต่างกันด้วย เช่น ฮันบกของผู้อาวุโส จะเป็นสีพื้นหรือสีทึบเข้ม ส่วนฮันบกของวัยรุ่นหรือเด็กๆ จะมีหลากสีสัน ซึ่งในปัจจุบันยังได้มีการนำชุดฮันบกมาประยุกต์ให้เข้ากับแฟชั่นอีกด้วย เช่น 한복 미니 드레스 จะเป็นชุดฮันบกที่กระโปรง(치마)จะสั้นขึ้น และเสื้อท่อนบน(저고리)อาจจะสั้นขึ้นหรือกลายเป็นเพียงเกาะอก นอกจากนั้นชุดฮันบกยังสามารถบอกสถานะภาพของสตรีผู้สวมใส่อีกด้วย กล่าวคือ หากชุดฮันบกที่สตรีผู้นั้นสวมใส่มีสีสันหลากหลาย และมีแถบสีที่แขนหลายๆ แถบ แสดงให้เห็นว่าสตรีผู้นั้นยังโสด หรือยังไม่ได้แต่งงานนั่นเอง แต่หากสตรีผู้นั้น สวมใส่ชุดฮันบกที่เป็นสีพื้นธรรมดาหรือสีทึบ จะแสดงให้เห็นว่าเธอแต่งงานแล้ว แต่ก็ไม่เสมอไปหรอกนะคะ รู้สึกว่าแค่เป็นที่นิยมเท่านั้นเอง ที่สำคัญชาวเกาหลีจะไม่ใส่ชุดฮันบกสีขาว เพราะจะหมายถึง ชุดไว้ทุกข์ค่ะ โดยจะมีชุดที่น่าสนใจดังนี้คะ

ชุดฮันบกเจ้าบ่าว

ชุดฮันบกเจ้าสาว

ชุดฮันบกคุณแม่ 
ชุดฮันบกคุณแม่จะเป็นสีพื้นเรียบๆ หรือสีทึบเข้ม แสดงให้เห็นว่าเป็นสตรีที่สวมใส่แต่งงานแล้ว


ทลฮันบก
ชุดฮันบกสำหรับเด็กๆ ที่มีอายุครบ 1 ปี ในวันนั้นจะมีการเลี้ยงฉลอง

ฮันบกที่นำมาประยุกต์ให้เข้ากับชุดเดรส

ฮันบกที่นำมาประยุกต์ให้เข้ากับชุดมินิเดรส

  • กิมจิและบุลโกกิ
กิมจิ

บุลโกกิหรือพุลโกกิ

            กิมจิมีพัฒนาการมาจากการถนอมอาหารโดยภูมิปัญญาก้นครัวของชาวเกาหลี
โดยวิธีการหมักดองและกิมจินั้นได้ถือกำเกิดมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 7 ของประเทศเกาหลี 
โดยชาวเกาหลีได้หมักดองกิมจิไว้สำหรับรับประทานในหน้าหนาวและนิยมรับประทานกับอาหารทุกมื้อและนำไปเป็นส่วนประกอบของอาหารอีกหลายอย่างเช่น ข้าวต้ม ข้าวสวย ซุป บะหมี่ ข้าวผัด พิซซ่าและแฮมเบอร์เกอร์ซึ่งโดยคนส่วนใหญ่แล้วมักจะคิดว่าจะมีแต่ผักกาดขาวหรือกระหล่ำปลีเท่านั้น
แต่จริงๆแล้วชาวเกาหลีได้นำผักหลายชนิดมาใช้ในการทำกิมจิอาทิ เช่น ขิง หัวไชเท้า แตงกวา  หัวหอม เป็นต้น กิมจินั้นได้มีการพิสูจน์กันทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าเป็นอาหารบำรุงอย่างดี ซึ่งปัจจุบันนี้กิมจิมีมากกว่า 187 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่นั้นมีรสเปรี้ยว เผ็ด และ มีกลิ่นฉุนปัจจุบันได้มีการส่งออกของกิมจินั้นเป็นจำนวนมากขึ้นและกิมจิได้กลายเป็นอาหารของโลกไปแล้ว      

           พุลโกกิป็นเนื้อย่างเกาหลีอันเลื่องชื่อ ลักษณะเป็นเนื้อวัวย่างซึ่งได้รับการพิถีพิถันเป็นอย่างดีในการหมักซึ่งเวลารับประทานจะต้องมีเครื่องเคียงประกอบเช่น กิมจิอย่างน้อย 5 ชนิด ผักสด ซุปและข้าวสวยร้อนๆไว้ทานคู่กัน

  • อักษรเกาหลี
     


     หรืออักษรฮันกึล ได้ประดิษฐ์โดยพระเจ้าเซจง (พ.ศ. 1940 - 1993 ครองราชย์ พ.ศ. 1961 - 1993) กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์โชซ็อนของเกาหลี แต่นักวิชาการบางคนตั้งข้อสังเกตว่าการประดิษฐ์อักษรเป็นงานที่ซับซ้อน อาจเป็นฝีมือของกลุ่มบัณฑิตสมัยนั้นมากกว่า แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้แสดงว่าบัณฑิตในสมัยนั้นต่างคัดค้านการใช้ตัวอักษรใหม่แทนตัวอักษรฮันจา ดังนั้น จึงได้มีการบันทึกว่าอักษรฮันกึลเป็นผลงานของพระเจ้าเซจงแต่เพียงพระองค์เดียว นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานบางอย่างที่แสดงว่าพระญาติของพระเจ้าเซจองได้มีส่วนร่วมอย่างลับ ๆ ในการประดิษฐ์อักษร เพราะประเด็นนี้ในสมัยนั้นเป็นข้อขัดแย้งระหว่างบัณฑิตอย่างมาก โดยอักษรฮันกึลได้ประดิษฐ์เสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 1986 และถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 1989 (ค.ศ. 1446) ในเอกสารที่ชื่อว่า "ฮุนมิน จองอึม" (ฮันกึล: 훈민정음, ฮันจา: 訓民正音; Hunmin Jeong-eum) หรือแปลว่า เสียงอักษรที่ถูกต้องเพื่อการศึกษาสำหรับประชาชน ซึ่งในวันที่ 9 ตุลาคม ของทุกปี ทางการเกาหลีใต้ได้ประกาศให้เป็น วันฮันกึล ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ



วันนี้ทุกคนคงอ่านตาแฉะแล้วเอาไว้เรามาเจอกันใหม่นะคะ อันยองอีกครั้งคะ

Hi! Who love korea? Put your Hands up!!



             อันยองฮาเซโยค่าทุกๆคน ^^

ทุกคนคงสงสัยว่าเราทำบล็อกนี้มาเพื่ออะไรใช่มั๊ยคะ (ใครถาม?) ความจริงแล้วเพื่อสนองตันหาของตนเองที่เป็นติ่งเกาหลีล้วนๆ แล้วก็เพื่อที่จะเผื่อแผ่ข้อมูลจากเบื้องลึกของติ่งคนนี้นะคะ เพราะโดยความคิดของเราแล้วเราไม่ได้บ้าแต่ดาราคะเราก็ชอบประเทศเขาด้วย ที่เที่ยวสวยมากแล้วก็เป็นอีกประเทสที่สะดวกทั้งการเดินทางและคมมนาคมมากจริงๆ เราก็เลยอยากจะพาทุกคนไปตะลุยเกาหลีกับเราค่าาาา
วันนี้เรามาเริ่มกับน้ำจิ้มเล็กๆของเกาหลีก่อนนะค้าา


เกาหลีย่อๆ



                    สาธารณรัฐเกาหลี(ประเทศเกาหลีใต้) South Korea -เป็นประเทศในเอเชียตะวันออก มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พรมแดนทางเหนือติดกับประเทศเกาหลีเหนือ มีประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้โดยมีทะเลญี่ปุ่นและช่องแคบเกาหลีกั้นไว้  โดยมีประชากรประมาณ 49,979,000 คน มีเชื้อสายมาจากเกาหลี จีน ฟิลิปปินส์ และเชื้อสายอื่นๆอีก(ประชากร ใน พ.ศ. 2555 ) และที่สำคัญนะคะเกาหลีเป็นประเทสที่ให้อิสระกับการนับถือศาสนาคะ เลยไม่มีศาสนาประจำชาติ (คนเกาหลีประมาณเกือบครึ่งหนึ่งไม่นับถือศาสนา)



การเมืองการปกครอง

หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2491 คาบสมุทรเกาหลีถูกแบ่งเป็นสองส่วนโดยเส้นละติจูดที่ 38 องศาเหนือ (มักเรียกว่าเส้นขนาน 38) โดยสหภาพโซเวียตดูแลเกาหลีเหนือมีการปกครองระบอบสังคมนิยม ส่วนสหรัฐอเมริกาดูแลเกาหลีใต้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประมุขของประเทศคือประธานาธิบดี ซึ่งได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนให้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร มีนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา รัฐสภาเป็นองค์กรนิติบัญญัติ และศาลทำหน้าที่ทางตุลาการ ทั้งนี้ เกาหลีใต้มีการแบ่งเขตการปกครองเป็น 9 จังหวัด และ 6 เขตการปกครอง (โซล ปูซาน อินชอน แตกู ควังจู แตชอน)

เศรษฐกิจ
เป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด เป็นประเทศพัฒนาแล้ว
  • การเพาะปลูก : พืชสำคัญได้แก่ ข้าวเจ้า ข้าวบาร์เลย์ แอปเปิล มันฝรั่ง ถั่วเหลือง ข้าวสาลี
  • การเลี้ยงสัตว์ : สัตว์เลี้ยงสำคัญได้แก่ สุกร โค สัตว์ปีก และตัวไหม
  • การประมง : ผลผลิตทางการประมงของเกาหลีใต้มีเหลือใช้ในประเทศจนสามารถส่งเป็นสนค้าส่งออกที่สำคัญอย่างหนึ่ง เกาหลีใต้สามารถจับปลาได้เป็นอันดับ 10 ของโลก (แต่พี่ไทยเป็นอันดับ 9 นะคะ สถิติปีพ.ศ. 2535)
  • การทำเหมืองแร่ : เกาหลีใต้ขาดแคลนถ่านหินและน้ำมันปิโตเลียม แต่มีแร่ธาตุอื่นๆอีกหลายชนิด ได้แก่ แกรไฟต์ ดินเกาลิน และทังสเตน
  • อุตสาหกรรม : อุตสาหกรรมในเกาหลีใต้ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเบา ผลผลิตทางอุตสาหกรรมที่สำคัญได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอ รถยนต์ ปิโตรเคมี และเรือเดินสมุทร



อาจเป็นวีดีโอที่ทำให้ทั้งโลกรู้จักเกาหลี และกังนัมเลยละคะ 555 วันนี้ลาก่อนนะคะ อันยองค่าาา